เช้าก็นั่งเรียนๆๆ บ่ายก็เรียน แล้วก็ได้การบ้านให้แปลนิทานของชาติตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ นึกไม่ออกเลยว่าจะเอาเรื่องอะไร ไอ้ที่นึกออกก็ พระอภัยฯ รามเกียรติ์ อิเหนา ฯลฯ บ้าไปแล้ว
พอเลิกเรียนก็ไปกิน Crawfish เย้
เห็นเอกกับมนบอกว่า Crawfish เนี่ย เป็นอาหารประจำถิ่นของที่นี่ ถ้าไม่เคยเห็นก็ไปหาดูในเว็บกันเองแล้วกัน ตอนไปกินก็ไม่รู้หรอกว่ากี่ตัง แต่ปรากฏว่าพอไปถึง เขาแค่ให้บริจาคช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งน่ะ เท่าไหร่ก็ได้ แล้วก็ได้ Crawfish มาหนึ่งถาด เยอะมาก ไม่ต่ำกว่ายี่สิบตัวมั้ง (มันคงได้สูญพันธุ์แน่) พร้อมกับมันฝรั่งสองหัวเล็กๆ แล้วก็ข้าวโพดหวานสองท่อน (ฝักหั่นเป็นท่อนๆ ยาวประมาณสองนิ้ว) อาหย่อย
กินเสร็จกลับไปแล็บกับเอกกับมนก่อน รอเวลาไปดู Piano concert ตอนทุ่มครึ่ง
พอทุ่มนึงก็เดินไป Stone Theater (จำชื่อตึกไม่ได้แล้ว) ตอนแรกไม่รู้จะเข้าไปได้รึเปล่า ใส่รองเท้าแตะ แต่พอไปถึง คนอื่นมีทั้งขาสั้น ทั้งลากแตะเลย
เข้าไปนั่งฟังแล้วประทับใจนะ...ชอบ เพิ่งรู้ว่า Piano concert มันเจ๋งอย่างนี้นี่เอง ฟังไปมองหน้า Pianist ไป อืม...มันคล้อยตามอารมณ์เพลงขนาดนี้เชียว
เพลงแต่งงาน ขอตั้งชื่อ version ว่า เป็น version วิวาห์เหาะ เพราะอารมณ์มันตื่นเต้นอะ
มีอยู่เพลงนึง เขาเล่นมือซ้ายตลอดทั้งเพลง ถึงกับอึ้ง ทำได้ไง เล่นมือเดียวอย่างกับสองมือ นิ้วอะไรจะพลิ้วขนาดนั้น
พอจบเพลงสุดท้าย Black Earth ทุกคนยืนขึ้นปรบมือให้ (ถือว่าคนเยอะเหมือนกัน เพราะที่นั่งเต็ม เพียงแต่มันเป็นโรงละครจิ๋วๆ น่ะ) ในฐานะที่เล่นได้ดีมาก เสร็จแล้วตานั่นเลยออกมาแถมให้อีกเพลง เหมือนเล่นส่งคนฟัง เพราะอารมณ์เพลงเป็นแบบน่ารักๆ กลับไปหลับฝันดี อะไรทำนองนี้
คนนั่งข้างๆ เราเป็นนักเรียนดนตรี เขาบอกว่าคนเล่นเป็นอาจารย์เขา แล้วมนกับเอกก็ชวนคุย คุยไปคุยมาเลยได้เพื่อนเพิ่มมาอีกคน ดีใจ
ก่อนไป ให้ดูสูจิบัตรก่อน เนื่องจากเป็นงานของ Tech เอง ก็เลยไม่ได้ทำหรูหราน่ะ
No comments:
Post a Comment